10 ประการ อุปสรรคทั้งหลายก็จะหายไป การปฏิบัติสิบประการเหล่า

ไม่แสวงหา 10 ประการ อุปสรรคทั้งหลายก็จะหายไป การปฏิบัติสิบประการเหล่านี้คือ

1. #เราไม่ควรปรารถนาให้ร่างกายของเราปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะร่างกายที่ปราศจากโรคมักมีความอยากและราคะ นี้นำไปสู่การทำลายศีลและการถอยหลัง

2. เราไม่ควรปรารถนาให้ชีวิตเราปราศจากความโชคร้ายและความทุกข์ยาก หาไม่แล้วเราจะมีความหยิ่งจองหองและยะโสโอหัง ทำให้เราดูหมิ่นและทำโอหังต่อผู้อื่น

3. เราไม่ควรปรารถนาให้การปฏิบัติจิตของเราปราศจากอุปสรรคทั้งปวง เพราะในกรณีเช่นนี้ จะทำให้เราคิดว่าความรู้ของเราย่อมเป็นเลิศ จะนำไปสู่การหลงผิดคิดว่าตัวเองตื่นแล้ว ทั้งที่จริงแล้วเราไม่ได้ตื่นขึ้น

4.เราไม่ควรปรารถนาให้การฝึกฝนของเราปราศจากสิ่งกีดขวางจากมาร เพราะคำปฏิญาณของเราจะไม่มีวันมั่นคงและยั่งยืน จะนำไปสู่การหลงผิดคิดว่าตัวเองรู้แจ้งแล้ว ทั้งที่จริงแล้วเราไม่ได้รู้แจ้ง

5. เราไม่ควรปรารถนาให้แผนและกิจกรรมของเราประสบผลสำเร็จโดยง่าย เพราะเช่นนั้นแล้วเราจะมีความคิดดูหมิ่นและดูหมิ่นเหยียดหยาม จะนำไปสู่การล่วงละเมิดอันกิดจากความจองหองและหยิ่งทะนง โดยคิดว่าตนเองเต็มไปด้วยคุณธรรมและพรสวรรค์

6. เราไม่ควรหวังผลกำไรในความสัมพันธ์ทางสังคมของเรา จะทำให้เราละเมิดหลักศีลธรรมและมองเห็นแต่ความผิดพลาดของผู้อื่นเท่านั้น

7.เราไม่ควรปรารถนาให้ทุกคนคิดเห้นสอดคล้องกับเราตลอดเวลา จะนำไปสู่ความหยิ่งจองหองและเห็นเฉพาะด้านของเราเองในทุกประเด็น

8.เราไม่ควรปรารถนาที่จะให้คนอื่นตอบแทนความดีของเรา หาไม่แล้วเราจะทำให้จิตติดกับการคิดคำนวณ (ผลได้ผลเสีย) จะนำไปสู่ความโลภในชื่อเสียงและโชคลาภ

9.เราไม่พึงปรารถนาที่จะมีส่วนในโอกาสเพื่อผลกำไร หาไม่แล้วจิตจะหลงผิด จะทำให้เราเสียคุณงามความดีและชื่อเสียงอันดีของเราไปเพราะเห็นแก่ประโยชน์อันไม่ดี

10. เมื่ออยู่ภายใต้ความอยุติธรรมและการใส่ร้าย เราไม่ควรพยายามหักล้างและปฏิเสธ เพราะการทำเช่นนั้นบ่งชี้ว่าจิตของตนเองและผู้อื่นยังไม่ได้ถูกตัดขาด (หมายความว่ายังมีความคิดแบ่งเขาแบ่งเรา) จะนำไปสู่ความขุ่นเคืองและความเกลียดชังมากขึ้นอย่างแน่นอน

Similar Posts

  • เรื่องบางเรื่องคนบางคนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดี

    เรื่องบางเรื่องคนบางคนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดี แต่เมื่อนึกถึงคราใดก็หัวเราะได้ทุกทีอย่าหาเหตุผลในเรื่องที่ไม่มีคำอธิบายครูมีความสุขได้กับลูกศิษย์ทุกๆคนที่ผ่านเข้ามาพบครูรักทุกคนเพียงไว้แต่ …..แค่ปัจจุบัน

  • เรารู้สึกถูกกักขังกับร่างกาย

    เรารู้สึกถูกกักขังกับร่างกาย ทารกและความคิดของเรา แม่ครูสอนลูกศิษย์#วิธีการถอดสติออกจากร่างกายทั้งสามและกลายเป็น หนึ่งเข้าสู่จิตวิญญาณ โดยการฝึกสมาธิโยคะของ แม่ครูน้อยสูงที่สุด ร่างกายธาตุลดการสั่นสะเทือนของอะตอมและกลายเป็น ปราณหรือพลังชีวิต โดยการทําสมาธิลึกขึ้น#จากนั้นด้วยปัญญา จิตสํานึกในความคิดจะกลายเป็นขยายตัวเข้าไปในสติคอสมิก ที่ไม่สามารถพบได้ในหนังสือ และสามารถเปิดเผยได้เฉพาะผู้ที่ชํานาญการปราณเท่านั้น ” ดังนั้น ผู้แสวงบุญที่รักบนเส้นทาง อ่านและแยกแยะคําเหล่านี้จากนั้นฝึกโยคะและแสดงออกในชีวิตของคุณ……..

  • ผ่าน 1 ปีของการฝึกฝน

    ผ่าน 1 ปีของการฝึกฝน#พึ่งเริ่มตั้งไข่คุณฝน ศิษย์ 1 ใน 3 ของนักเรียนที่ผ่านการฝึกฝน 1 ปี ด้าน กาย จิต จิตวิญญาณ#หนึ่งในผู้พบเจอเทวดาประจำตัวจริง ที่ได้รับโอกาสสดับคำสอนจากจิตสู่จิตถือเป็นบัณฑิตตัวอย่างอีก 1 ท่านที่ดำเนินตามคำสอนอย่างมีระเบียบและวินัยทำให้สามารถใช้ชีวิตของผู้ปฏิบัติสองมิติได้อย่างสมดุลย์จากผู้สงสัย กลายเป็นได้รู้จากตัวกู กลายเป็น ส่วนหนึ่งจากความกลัว เป็นความ เข้าใจจากความไม่เข้าใจ กลายเป็น วิชชาจากน้ำตา กลายเป็น หัวเราะ คนเราจะได้มีโอกาสได้พบเจอเทวดาประจำตัวเป็นสิ่งที่ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้จะมีผู้ใดสอนเรื่องนี้อีกประการสำคัญชีวิตของคนเราเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งยากต่อการเข้าใจและสลับซับซ้อนต้องมีระดับสติปัญญาอย่างเข้าใจและแยบยลที่มนุษย์หนึ่งคนจะสามารถรังสรรค์ความสมดุลย์ต่อการใช้ชีวิตสองมิติแบบนี้ได้ #เราเป็นดวงวิญญาณ ที่ต้องขัดเกลาครูมีนักเรียนมากมายกว่า 300 ชีวิตที่ได้เจอเทวดาประจำตัวแต่ก็ช่างน่าเสียดายว่าพวกเขาทั้งหลายยังไม่เข้าใจความหมายของชีวิตและจิตวิญญาณโชคดีของชีวิต

  • การปฏิบัตินี้คือ

    การปฏิบัตินี้คือ การมาสร้างความรู้อันหนึ่งให้มีกำลังมากกว่าความรู้ที่มีอยู่แล้ว คือ ทำปัญญาให้เกิดขึ้นที่จิต ทำญาณให้เกิดขึ้นที่จิต #จนมีความสามารถที่จะหยั่งรู้กิริยาจิต#ภาษาจิต รู้อุบายของกิเลสทั้งหลายทั้งปวง ที่เกิดขึ้นมาในจิตนั้นพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)

  • เมื่อคุณต้องการบางสิ่งอย่างแท้จริง

    เมื่อคุณต้องการบางสิ่งอย่างแท้จริงและดำเนินการตามนั้นโดยไม่จำกัดตัวเอง#ด้วยความไม่เชื่อ จักรวาลจะทำให้มันเกิดขึ้น

  • กระบวนการสื่อสาร

    กระบวนการสื่อสารทางจิตของมนุษย์ที่เรียกว่าโทรจิตนี้เป็นการสื่อภาษาจิตที่เกิดขึ้นพร้อมพร้อมกันกับการเกิดกระบวนการสร้างพลังงานใหม่ของจิตเมื่อมีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นให้รับรู้ด้วยตนเองได้ว่ามีอารมณ์รู้สึกเกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้นซึ่งตลอดทั้งวันมนุษย์จะมีอารมณ์แปลกๆใหม่ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลานั่นเท่ากับว่ามนุษย์ได้สร้างพลังงานใหม่ด้วย #แก่นแท้คือจิตตนเองอยู่ตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกันและถ้าในแต่ละครั้งที่มนุษย์มีการสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกมนุษย์ก็จะได้ใส่รหัสทางจิตของตนด้วยการคิดนึกหรือต้องการผสมผสานคลื่นอารมณ์เข้าไปด้วย #แทนที่มนุษย์จะสร้างพลังงานใหม่ด้วยจิตตนเองอย่างเดียว ในขณะนั้นคลื่นพลังงานใหม่ของจิตยังจะทำหน้าที่เป็น #พาหนะหรือพาหะ ที่จะนำเอารหัสการคิดต้องการคิดไปกับคลื่นความถี่ทางอารมณ์ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกด้วยเพื่อส่งตรงไปยังจิต ซึ่งเป็นแก่นแท้ของอีกรูปธรรมหนึ่งหรืออีกสรรพสิ่งหนึ่งที่เขามีคุณสมบัติในการรับรู้ได้และยังคิดรู้ได้อีกต่างหากด้วยจึงถือได้ว่าการโทรจิตจากจิตสู่จิตกับกระบวนการสร้างใหม่นั้นเป็นเรื่องเดียวกันนั่นเอง