อย่าคิดว่า “ตอนนี้ก็พอแล้ว ”

?️?#อย่าคิดว่า “ตอนนี้ก็พอแล้ว ”ฝึกฝนด้วยความชื่นชมยินดีและความกระตือรือร้นและไม่ตกอยู่ในความเกียจคร้านหรือความเฉื่อยชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าคิดว่า “ตอนนี้ก็พอแล้ว ” ⭐️ผู้คนเริ่มรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองหลังจากถวายการสวดมัตตราไม่กี่พันบทและท่องบทสวดมนต์ไม่กี่แสนบท ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ลังเลเพียงเล็กน้อยที่จะฆ่าแมลง ดื่มด่ำกับความต้องการของพวกเขาทั้งหมดและทําให้แสงสว่าง การกระทําในแง่ลบของพวกเขามากมาย แม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเช่นนั้น นั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ และนั่นคือเหตุผลว่าทําไมเราถึงต้องการคําแนะนําของครูทางจิตวิญญาณมากพอๆกับที่เด็กเล็กต้องการคําแนะนําจากพ่อแม่ของเขาพยายามนําประสบการณ์ทั้งหมดของคุณมาสู่บริบทของความทุ่มเทให้กับครู ถ้าคุณสามารถเข้าใจจุดสําคัญของการปฏิบัตินี้ได้ คุณจะไม่มีอุปสรรค หากสถานการณ์ของคุณนั้นน่ารื่นรมย์และง่ายดาย จงเห็นความสุขของคุณโดยปราศจากความยึดติดใด ๆ ดังคําอวยพรของครู และดั่งความฝันภาพลวงตา และหากคุณผ่านความยากลําบากและความทุกข์ยาก ⭐️#จงเห็นสิ่งนั้นด้วยดั่งคําอวยพรของครูบาอาจารย์หากคุณล้มป่วย ให้เห็นภาพครูทางจิตวิญญาณของคุณไม่ว่าอยู่ในร่างกายของคุณที่คุณรู้สึกเจ็บปวดหรือสถานที่ของโรค ตระหนักว่าความเจ็บป่วยและความเจ็บปวดทําให้คุณมีโอกาสที่จะชําระตัวเองจากการกระทําในอดีตที่เป็นอันตรายและความไม่รู้แหล่งที่มาของความทุกข์ทรมาน ⭐️โปรดจําไว้ว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกมากมายที่กําลังทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับที่คุณเป็น และอธิษฐานขอให้ความทุกข์ของคุณซึมซับสิ่งเหล่านั้น และเพื่อพวกเขาจะได้ปลดปล่อยจากความทุกข์ทั้งหมด ด้วยวิธีนี้ โรคภัยไข้เจ็บสอนเรา และความเห็นอกเห็นใจ866จำนวนคนที่เข้าถึง122จำนวนการมีส่วนร่วมโปรโมทโพสต์

Similar Posts

  • โอวาทวันมุฑิตาจิต

    ครูฟอร์ดUnique lash education ตัวแทนนักเรียนนำเค้กมะพร้าวเขาถวายแม่ครู #ก่อนที่แม่ครูจะเดินทางไปแจกของเด็กๆ#โอวาทวันมุฑิตาจิตไม่ว่าจะอยู่ในโลกหรือในวัดภายในใจของคุณคุณสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ รู้สึกว่าสิ่งที่คุณทําคือการทําให้พระเจ้าพอใจ ดังนั้นการฝึกจิตมีสองประเภทของการคืนชีพดวงวิญญาณ: 1.ผู้ที่สละทุกอย่าง ทั้งทางกายภาพ เขาสละคนอย่างคุณได้ และจิตใจ (เพื่อบวช)2.และผู้ที่ยังคงอยู่ใน โลกเพื่อเติมเต็มภาระหน้าที่ของพวกเขา แต่จิตใจละทิ้งความปรารถนาทั้งหมด (ฆราวาสธรรมที่ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ) เพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าในการทําสมาธิและในกิจกรรมบริการ #คุณสามารถเลือกได้หนึ่งอย่างว่าคุณจะเริ่มต้นในการฝึกจิตเพื่อการก้าวหน้าต่อดวงวิญญาณเช่นไร

  • ข้าพเจ้าไม่เพียงแค่ฟังคำพูดของท่าน

    ข้าพเจ้าไม่เพียงแค่ฟังคำพูดของท่านข้าพเจ้าฟังการใช้คำ น้ำเสียงของท่านการเคลื่อนไหวร่างกาย ดวงตาของท่านการแสดงออกทางสีหน้าของท่าน #ข้าพเจ้าตีความจากความเงียบของท่าน #ข้าพเจ้าได้ยินทุกสิ่งที่ท่านไม่พูด..  เชื่อมต่อกับทุกสิ่งแต่ไม่ติดอะไรเลยความผูกพันมีรากฐานมาจากความกลัวคุณสูญเสียความกลัวที่จะสูญเสีย #เมื่อคุณตระหนักว่าคุณสมบูรณ์แล้ว

  • สิ่งที่ผู้รู้พระเวทเรียกว่าความไม่เสื่อมสลาย

    สิ่งที่ผู้รู้พระเวทเรียกว่าความไม่เสื่อมสลายที่ผู้เลิกละผู้พ้นแล้วจากปัญหาและความคิดมั่นหันมาฝึกฝนเราจะบอกเจ้าอย่างคร่าวๆถึงวิธีที่จะไปถึงสิ่งนั้น  ผู้ปิดทวารทั้งเก้าในกายกักจิตไว้ที่จักระหัวใจตั้งพลังชีวิตปราณไว้ในสมองใหญ่ตั้งจิตมั่นในโยคะ แน่วแน่อยู่ในในพระวัจนะศักดิ์สิทธิ์ แห่งพรหม ระลึกถึงแต่เรา(บรมวิญญาณ) เมื่อเขาละร่างนี้ ย่อมไปถึงเป้าหมายอันเลิศล้ำนั้น ผู้มีจิตแน่วแน่ ระลึกถึงเราต่อเนื่องทุกวัน จิตของท่านไม่หันเหไปจากเรา(คือบรมวิญญาณ) ท่านจะเข้าถึงเราได้โดยง่าย ผู้ภักดีจิตใจหนักแน่น เมื่อบรรลุถึงเรา (บรมวิญญาณ) ย่อมเข้าถึงความสำเร็จเลิศล้ำ จะไม่กลับ มาเกิดใหม่ได้แดนทุกข์ไร้ความจีรัง ผู้ที่ยังไม่พ้นจากโลก จะกลับจากแดนพรหม การรวมเป็นหนึ่งกับพระเจ้าในสมาธิ มาเกิดใหม่ (บนโลกนี้) แต่เมื่อเข้าถึงเราบรมวิญญาณอันประเสริฐท่านจะไม่เกิดใหม่อีกเลย

  • คนที่มีความสุข

    #คนที่มีความสุข โลกสวยงาม คิดบวกตลอดเวลา หมายความว่า เป็นพวกที่ทำอะไรก็สำเร็จไปเสียหมด มีวิธีมองโลกให้สดใสไปทุกอย่าง ถ้าความจริงไม่ดี ก็มองให้มันดีเสีย จึงไม่ค่อยได้เจอความทุกข์ เมื่อไม่ค่อยได้พบความทุกข์ จึงไม่รู้จะปฏิบัติธรรมไปทำไม เชื่อว่าตนเองจัดการทุกอย่างได้ บุคคลพวกนี้ จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยง เพราะเป็นไปได้ว่า ชั่วชีวิตเขาอาจไม่ได้ลงมือปฏิบัติธรรมเพื่อลดทอนภพชาติได้เลย พูดมากเกินไป หมายความว่า เมื่อหาความรู้ได้แล้ว แทนที่จะลงมือปฏิบัติ กลับนำความรู้มาโต้เถียง วิเคราะห์ เที่ยวจับผิดสำนักนั้น สำนักนี้ โดยที่ไม่ได้ลงมือพัฒนาจิตใจของตน ผลที่ตามมาก็คือ จิตใจจะยิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะอัตตาตัวตนพอกพูน คิดว่าตนเองดีกว่าผู้อื่นเพราะรู้หลักธรรมมาก ยึดติดกับรูปแบบอัตลักษณ์ หมายความว่า มีความเข้าใจผิด ชอบคิดว่าการปฏิบัติธรรมจะต้องทำในวัด นุ่งขาวห่มขาว ต้องมีกฏระเบียบที่แตกต่างไปจากการใช้ชีวิตธรรมดา คนกลุ่มนี้จะติดวัดเป็นพิเศษ ชอบหาเวลาเข้าวัดไปปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ได้ไปวัด จะรู้สึกว่า ปฏิบัติธรรมไม่ได้ สุดท้ายจึงกลายเป็นว่า ไปติดสังคมในวัด ไปหาเพื่อนคุยในวัด ซึ่งกลายเป็นกับดักอีกรูปแบบหนึ่ง ปฏิบัติผิดวิธี หมายความว่า เป็นกลุ่มที่โชคร้าย เพราะคิดดี และต้องการทำดี แต่ไปเจออาจารย์ไม่ดี เจออรหันต์ปลอม เจอสิบแปดมงกุฏ จึงทำให้การปฏิบัติผิดทิศผิดทางไปหมด คล้ายๆกับองคุลีมาลที่ถูกอาจารย์หลอก ในข้อนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการคบหากัลยาณมิตร…

  • ในทางพลังงานมนุษย์ทุกคนมีพรสวรรค์ หรือ วาสนาเก่า

    #ในทางพลังงานมนุษย์ทุกคนมีพรสวรรค์ หรือ วาสนาเก่า กฏแห่ งศักยภาพ บริสุทธิ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน(The Law Of Pure Potential) จริงๆมนุษย์เราทุกคนมีศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ ภายใน แต่ส่วนมากจะเกิดสภาวะตีบตันในระดับพลังงาน ไม่สามารถสำแดงพลังมหาศาลนั้นออกมาได้ เปรียบดุจ ดั่งยักษ์จินนี่ที่หลับไหลอยู่ในตะเกียงวิเศษ #รอคอยใคร บางคนไป “ปลุก” ให้มีสติปัญญาขึ้นมาจากตะเกียงนั่นแหละ เจตนารมณ์หรือ Intentionเจตนำจักรวาล หรือ ดำริจากจักรวาล(Divine Will) ถ้ าเร าป รับ ค ว าม ตั้งใจ (Willpower) ของเราให้เข้ากับดำริจากจักรวาลหรือ เจตนารมณ์ของจักรวาลได้แล้ว สิ่งที่เราต้องการจะ เกิดขึ้นอย่างง่ายดายมาก เพราะมันเป็นความต้องการ ของจักรวาลอยู่แล้ว เพียงแต่สำแดงออกมาผ่านทางเรา  ซึ่งคือกายเนื้อในรูปของมนุษย์หรืออธิบายด้วยภาษาที่ เข้าใจง่ายก็คือ เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วและเป็นชะตา ลิขิต (Destiny) หมายความว่าเบื้องบนอาจจะมีแผนการ บางอย่าง(Soul Plan)ที่ตัวตนของเราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ #แรงบันดาลใจและพลังสร้างสรรค์ที่ไหลทะลัก ออกมาแบบไม่มีเหตุผลตัวตนที่สูงกว่าเข้ามาทำหน้าที่ เมื่อใดก็ ตามที่คุณสำแดงตัวคุณเองออกมาผ่านทางพรสวรรค์ ของคุณ #มีความอ่อนไหวกับสิ่งรอบตัวอย่างรุนแรงมาก#การใช้วิธีการปกป้องจิตและปกป้องทางพลังงาน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องทำ โดยในตอนแรกเลยนั้นคุณก็ ต้องมีสติรับรู้ให้ได้ก่อนว่าคุณไปรับพลังงานนั้นมาจาก ไหนการคัดเลือกสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่จะอยู่อาศัยจะ…

  • #เราอาจจะต่อต้านในสิ่งที่ผู้อื่นทำแต่เราก็รักและหวังดีต่อเขา

    #เราอาจจะต่อต้านในสิ่งที่ผู้อื่นทำแต่เราก็รักและหวังดีต่อเขา#เช่นพี่น้องครูเคยมีคำถามกับตัวเองว่าการที่เราจะได้รู้ซึ้งถึงความรักอันแรงกล้าและจดจ่อของความเป็นความรักเช่นพ่อแม่เราจะสามารถทำได้กับผู้อื่นหรือไม่มันจะเป็นไปได้จริงๆหรือที่เราจะรักผู้อื่นด้วยความรักแบบเดียวกันนี้ได้เราสามารถขยายวงกลมแห่งความห่วงใยไปสู่ผู้อื่นอีกมากมายไม่ใช่แต่เพียงคนในครอบครัวของเราได้จริงๆหรือ??? รักได้จริงหรือ???#เพราะความสันโดษของครูจึงสามารถมองความรักทั้งหมดไปสู่เพื่อนมนุษย์ได้ ดังเช่น ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกเรามีความรักปรารถนาดีที่มีต่อความเป็นมนุษย์และมันเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ซึ่งบางทีเราอาจไม่สามารถรักใครบางคนที่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเราได้#สำหรับครูครูมีความเห็นว่าเราอาจขยายความรักนี้ออกไปจนพ้นขอบเขตอันเป็นแบบฉบับที่เรามีจำกัดต่อตัวเราเองเราอาจมีความรักและความสัมพันธ์ให้เฉพาะคนในครอบครัวของเรามากเกินไปแต่รู้หรือไม่ว่าความรักนี้สามารถมอบให้กับผู้อื่นได้ห่วงใยผู้อื่นได้ ดังเช่น คนหนึ่งในครอบครัวของเราและมันเกิดขึ้นได้จริงในดวงใจของเราดวงเดียวกันนี้เอง