ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมากใช่ไหมครับ ?

#อย่ากลัวคว

ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมากใช่ไหมครับ ?คำตอบหลวงปู่ชา :?️?#ถูกแล้วผมเป็นห่วง ผมเป็นห่วงว่าเขาเอาจริงเอาจังจนเกินไป #เขาพายายามจนเกินไปแต่ขาดปัญญา เขาเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์โดยไม่จำเป็น อย่างนี้เป็นความพยายามมากเกินไปคนทั่วไปก็เช่นกัน พวกเขาไม่รู้ถึงสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง สังขารทั้งปวง จิตและร่างกายล้วนเป็นของไม่เที่ยง บางคนคิดว่าเขารู้ เขาวิพากษ์วิจารณ์จับตามอง และลงความเห็นเอาเอง อย่างงี้ก็ตามใจเขา ทิฐิของใครก็ปล่อยให้เป็นของคนนั้นถ้าเราคิดว่าคนอื่นด้อยกว่า หรือดีกว่า หรือเสมอกันกับเราเราก็ตกทางโค้ง #ถ้าเราแบ่งเขาแบ่งเราเราก็จะเป็นทุกข์คำตอบหลวงปู่ชา?️?#กับพ่อ

Similar Posts

  • ในทางพลังงานมนุษย์ทุกคนมีพรสวรรค์ หรือ วาสนาเก่า

    #ในทางพลังงานมนุษย์ทุกคนมีพรสวรรค์ หรือ วาสนาเก่า กฏแห่ งศักยภาพ บริสุทธิ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน(The Law Of Pure Potential) จริงๆมนุษย์เราทุกคนมีศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ ภายใน แต่ส่วนมากจะเกิดสภาวะตีบตันในระดับพลังงาน ไม่สามารถสำแดงพลังมหาศาลนั้นออกมาได้ เปรียบดุจ ดั่งยักษ์จินนี่ที่หลับไหลอยู่ในตะเกียงวิเศษ #รอคอยใคร บางคนไป “ปลุก” ให้มีสติปัญญาขึ้นมาจากตะเกียงนั่นแหละ เจตนารมณ์หรือ Intentionเจตนำจักรวาล หรือ ดำริจากจักรวาล(Divine Will) ถ้ าเร าป รับ ค ว าม ตั้งใจ (Willpower) ของเราให้เข้ากับดำริจากจักรวาลหรือ เจตนารมณ์ของจักรวาลได้แล้ว สิ่งที่เราต้องการจะ เกิดขึ้นอย่างง่ายดายมาก เพราะมันเป็นความต้องการ ของจักรวาลอยู่แล้ว เพียงแต่สำแดงออกมาผ่านทางเรา  ซึ่งคือกายเนื้อในรูปของมนุษย์หรืออธิบายด้วยภาษาที่ เข้าใจง่ายก็คือ เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วและเป็นชะตา ลิขิต (Destiny) หมายความว่าเบื้องบนอาจจะมีแผนการ บางอย่าง(Soul Plan)ที่ตัวตนของเราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ #แรงบันดาลใจและพลังสร้างสรรค์ที่ไหลทะลัก ออกมาแบบไม่มีเหตุผลตัวตนที่สูงกว่าเข้ามาทำหน้าที่ เมื่อใดก็ ตามที่คุณสำแดงตัวคุณเองออกมาผ่านทางพรสวรรค์ ของคุณ #มีความอ่อนไหวกับสิ่งรอบตัวอย่างรุนแรงมาก#การใช้วิธีการปกป้องจิตและปกป้องทางพลังงาน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องทำ โดยในตอนแรกเลยนั้นคุณก็ ต้องมีสติรับรู้ให้ได้ก่อนว่าคุณไปรับพลังงานนั้นมาจาก ไหนการคัดเลือกสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่จะอยู่อาศัยจะ…

  • สติ 3 ระดับ

    สติ 3 ระดับ > (#คุณมีสติระดับไหน)สติมีด้วยกัน 3 ระดับ1. #สติระดับควบคุมความคิดสติระดับนี้เป็นสติขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ต้องใช้เพื่อดำรงชีวิตประจำวัน เป็นสติที่มีอยู่แล้วในสัตว์โลกตั้งแต่มนุษย์ขึ้นไป เป็นสติที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงาน ความสัมพันธ์ และการแสดงออกให้เหมาะสมกับกาลเทศะ เช่น นึกว่า “ขณะนี้เรากำลังทำงานอยู่ ก็ต้องตั้งใจทำงาน” หรือนึกว่า “เราไม่ควรไปโกรธเขาเลย ให้อภัยเขาจะดีกว่า จะได้ไม่มีเรื่องติดใจต่อกัน” การฉุกคิดในลักษณะนี้ ล้วนเกิดจากการใช้สติในการควบคุมความคิดทั้งสิ้น》สติระดับที่หนึ่งเป็นสติที่ทำให้เรากลายเป็นผู้มองโลกในแง่ดี ถ้าใช้สติระดับที่หนึ่งบ่อยๆ ชีวิตในโลกภายนอกก็จะพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ2. #สติระดับเห็นความคิดสติระดับนี้เป็นสติที่พระพุทธเจ้าทรงคิดขึ้นมาเป็นคนแรก เป็นการกำหนดสมาธิ วางใจให้เป็นกลาง แล้วจึงใช้สติดึงจิตให้หลุดจากความคิดมาเป็นผู้สังเกต การฝึกสติเช่นนี้บ่อยๆ จะทำให้กลายเป็นผู้เท่าทันความคิด สามารถเห็นการเกิดขึ้นและดับไปของความคิด ทำให้อยู่เหนืออารมณ์ของตนเองได้ ความทุกข์ต่างๆ จะน้อยลง ความสุขจะเพิ่มขึ้น อัตตาตัวตนจะทุเลาเบา ถ้าฝึกสติในระดับนี้เป็นประจำ สติในระดับแรกก็จะเกิดง่ายขึ้น 》สติระดับที่สองนี้ ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการฝึกจิตอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่การฝึกวิปัสสนากรรมฐานเป็นต้น3. #สติระดับเหนือความคิด (มหาสติมหาปัญญา)สติระดับที่สามนี้ เป็นสติที่ก่อให้เกิดปัญญาทะลุโลก เป็นสติที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนสติในระดับที่สองจนเกิดความชำนาญ สติระดับมหาสติมหาปัญญานี้ ไม่จำเป็นต้องใช้การฉุกคิด เพราะเป็นสติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานเหมือนสายน้ำไหล ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันลืม ไม่มีวันเผลอ ไม่มีคำว่าขาดช่วงขาดตอน กล่าวคือเป็นสติที่มีความเร็ว จนสามารถเห็นว่าความคิดและความรู้สึกมีกระบวนการทำงานอย่างไร…

  • จิตวิญญาณเกิดขึ้นทางพลังงานรูปแบบใด

    จิตวิญญาณเกิดขึ้นได้จากสภาวะการแตกตัวของวิญญาณ ที่ได้รับพลังจากจิตใต้สำนึก (พลังจิต) หรือการสั่นสะเทือนที่สะสมในระดับสูง (พลังขั้ว+สูง) ซึ่งการทำความสะอาดในพื้นที่จิตใต้สำนึกที่มีพลังงานลบ (-) สะสมนี้ ต้องอาศัยความรู้และความเพียร ทางปฏิบัติธรรมใช้วิธี กัมมัฎฐาน 38 วิธี (เจโตวิมุต) หรืออานาปานสติ (ปัญญาวิมุต) หรืออีกหนทางหนึ่งซึ่งต้องอาศัยผู้เชียวชาญให้คำชี้แนะ คือหนทางวชิระวิมุติ ซึ่งทางนี้จะมีความเกี่ยวข้องและสามารถอธิบายเกี่ยวกับเรื่องพลังงานลึกลับภายในมนุษย์ได้ การพบเจอ เทพพรหม เพื่อเป็นทางให้มนุษย์เดินจิตขึ้นสู่มิติที่สูงต่อไปได้ และยังมีวิธีการเข้าถึงจิตวิญญาณอีกหลายทาง ผู้ฝึกจำเป็นต้องศึกษาผู้ชำนาญและผู้รู้ที่สามารถอธิบายได้กระจ่างจริง มิเช่นนั้นท่านอาจพาดวงวิญญาณของตน หลงเส้นทางการฝึกฝนได้ ศิษย์ที่ดีต้องมีครู

  • ครูหวังว่าคุณจะได้อยู่กับใครสักคน

    ครูหวังว่าคุณจะได้อยู่กับใครสักคนที่เป็นเหมือนบ้านและการผจญภัย วิญญาณที่ทำให้คุณสงบและผลักดันคุณอย่างบ้าคลั่ง… คนที่ยอมรับคุณอย่างเต็มที่ และผลักดันคุณไปสู่ศักยภาพสูงสุด #คนที่ต่อสู้เพื่อความรักในแบบเดียวกับคุณ

  • สุขลักษณะทางจิตวิญญาณ#จิตใต้สำนึก

    #สุขลักษณะทางจิตวิญญาณ#จิตใต้สำนึก ของคุณเป็นแหล่งสะสมวาสนาสัญญาเดิมที่คุณมีบุญตามวาสนาเก่าและรวมถึงการสะสมวิธีการคิดและวาสนาใหม่ปัจจุบันที่คุณไม่มีโอกาสได้เข้าใจวิธีการทำงานของจิตใต้สำนึกนี้ จิตใต้สำนึกเป็นตัวบงการชั้นสุดท้ายของจิตที่จะบ่งบอกพฤติกรรมนิสัยของดวงวิญญาณที่จะบรรลุธรรม #ลึกที่สุดในชั้นของจิตใต้สำนึกต้องถูกปรากฏผ่านออกมา ให้จิตสำนึกปัจจุบันของเรารับรู้ถึงนิสัยที่นอนเนืองให้ได้มากที่สุดโดยวิธีการฝึกฝนจิต การปฎิบัติธรรมและการเข้าคอร์สจิตวิญญาณอื่นๆ #มีกฎการใช้พลังจิตใต้สำนึกตัวอย่างหลายรายการดังนี้ 1. ต้องรู้จัก การทำงานของมัน2. คัดกรองบุคคลที่คุณจะอนุญาตให้เข้าพื้นที่ชีวิต3. ใช้เวลาในการคบหาผู้คน4. จิตสำนึก ที่ยังไม่ผ่านการฝึกฝนดวงวิญญาณจะไม่สามารถต้านทานพลังงานจิตใต้สำนึกเชิงลบได้ บุคคลเหล่านั้นจะปรากฏนิสัยการทำร้ายจิตใจการกระทำเรื่องเดิมๆซ้ำๆที่เป็นสันดานที่หนาแน่น5. อริยะครูบาอาจารย์ทั้งหลายใช้จิตใต้สำนึกที่เป็นคลังมหาปัญญาเป็นส่วนใหญ่จากการฝึกฝนรูปภายในและเรียนรู้จิตสำนึกปัจจุบันให้ควบคู่กับแหล่งปัญญามหาปัญญา6. จิตใต้สำนึกของคุณเป็นเช่นไรปัจจุบันนี้คือสิ่งที่คุณเป็นอยู่7. จิตใต้สำนึกเมื่อสะสมเรื่องราวที่ดีกว่าและเรื่องที่เป็นอกุศลกว่าจะสร้างพลังจิตใต้สำนึกและช่วยให้ดีดดวงวิญญาณดวงนี้สู่การเปลี่ยนภพ หรือเรียกว่าย้ายจากสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง8. จิตใต้สำนึกไม่มีสมองของตัวเองเก็บสะสมทุกเรื่อง9. วิธีป้องกันขยะทางจิตเริ่มต้นจากการใช้เกราะป้องกันและวิจารณญาณตั้งแต่จุดเริ่มต้นรับข้อมูลจากตาที่สาม10. จิตใต้สำนึกเป็นนามเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แต่ปรากฏเป็นพฤติกรรมนิสัยของบุคคลนั้นนั้น11. คำว่าอย่าไว้ใจตนเองให้มากนั่นก็คืออย่าไว้ใจในจิตใต้สำนึกของตนเอง12. จิตสำนึกดวงวิญญาณที่ผ่านการฝึกฝนแล้วจะเผาขยะทางจิตใต้สำนึกให้หมดสิ้นไปและสามารถดับสัญญาในจิตใต้สำนึกนี่ได้นั่นคือขั้นตอนสุดท้ายของการสิ้นสุดการเป็นดวงวิญญาณ13.เรื่องที่คุณพูดคุย (ถ้าอยากมีปัญญา)ก็ต้องพูดคุยเรื่องการพัฒนาตนเองอยากบรรลุหลุดพ้น ต้องพูดคุยเรื่องแนวทางการปฏิบัติดวงวิญญาณ #จิตใต้สำนึกสำคัญขนาดนี้คุณควรดูแลสุขลักษณะทางจิตวิญญาณของคุณให้ดี จิตดี = จิตสำนึกดีทำดี= จิตใต้สำนึกดีรู้ผิดชอบชั่วดี= จิตสำนึกดีดีประพฤติไม่ดีฉ้อโกงลักทรัพย์ หลอกลวง= จิตสำนึกไม่ดี , จิตใต้สำนึกไม่ดี  อวดดื้อถือดีหยิ่งยโสโอหัง= จิตสำนึกไม่ดี ,จิตใต้สำนึกไม่ดี คิดไม่ดีต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์= จิตสำนึกไม่ดีจิต, จิตใต้สำนึกไม่ดี ไม่มีความอดทนต่อสิ่งใดเรียนอะไรก็ไม่บรรลุผล= จิตสำนึกไม่ดี ไม่สามารถต้านทานพลังลบจากจิตใต้สำนึกได้ อตัญญู = จิตใต้สำนึกไม่ดี ,จิตสำนึกไม่ดี #ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผู้รู้สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้

  • กู้กลับแล้วหนาบารมีเก่า

    กู้กลับแล้วหนาบารมีเก่า#พบแล้วเทวดาประจำตัวการฝึกฝนในห้องเรียนไม่สนภาวะเปลือกนอก(ความแปดเปื้อน) ของจิตเช่นความโกรธความโลภ หรือรัก ความชอบหรือความไม่ชอบแต่จะชี้ตรงไปยังจิตส่วนลึกที่สุดเมื่อตัวรู้(จิต)กับสิ่งที่ถูกรู้(วัตถุ) กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหรือเมื่อจิตกลายเป็นความตระหนักรู้บริสุทธิ์ในความตระหนักรู้อันนี้จะไม่มีภาวะแปลกปลอมจะไม่มีกระบวนการสร้างความคิดและไม่มีมโนทัศน์ด้านคู่ใดๆเกิดขึ้นจิตในระดับลึกที่สุดนี้ถ้าได้รับการฝึกฝนต่อให้จนถึงที่สุดก็จะนำไปสู่อิสรภาพการฝึก จิตส่วนลึกก็คือการกำจัดอุปาทานทั้งหลายแม้ในระดับละเอียดอ่อนให้สิ้นไปเมื่อนั้นจิตย่อมเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธะโลกไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากจิตของตนเอง