Empathy ( #การหยั่งรู้วาระจิต)

Empathy ( #การหยั่งรู้วาระจิต) ?️?#แตกต่างจาก Sympathy (ความสงสาร)Sympathy จะเป็นความรู้สึกของความเศร้าโศกหรือเวทนาไปกับผู้ที่ประสบกับความทุกข์ยากลำบากในบางเรื่องราว…..??แต่ Empathy คือการเสียสละ และแสดงออกด้วยการกระทำที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นซึ่งในขณะที่ Empathy จะดูเหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปด้านบวก และมีจริยธรรมอันสูงส่ง ทั้งยังมีหลักการในการปฏิบัติที่ดีก็ตามที แต่ก็มีบางคนเชื่อว่า การหยั่งรู้วาระจิตผู้อื่นมากเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายต่อความผาสุกของตัว Empath (ผู้หยั่งรู้วาระจิต) เอง และอันตรายนั้นอาจลามไปถึงระดับโลกอีกด้วยเพราะพฤติกรรมของการหยั่งรู้วาระจิต (Empathy) ที่มากเกินไปนั้น จะไปรบกวนต่อการตัดสินใจที่ควรจะเป็นไปตามเหตุผล ซึ่งสืบเนื่องจากการที่พวก Empath ชอบที่จะใช้หัวใจนำทางมากกว่าสมอง ซึ่งอาจทำให้พวกเขาสูญเสียภาพที่กว้างขึ้นของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวก็เป็นได้??ตามหลักจิตวิทยา… Empathy (การหยั่งรู้วาระจิต) แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ…คือ1. ‘การหยั่งรู้ที่มีความเข้าใจในด้านของปัญญา และองค์ความรู้ ‘ซึ่งมีขีดความสามารถในการเข้าใจว่าผู้คนรู้สึกอย่างไร และกำลังคิดอะไรอยู่ และการหยั่งรู้ในลักษณะนี้ จะทำให้เกิดการสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้เกิดการถ่ายทอดข้อมูลที่สามารถเข้าถึงผู้อื่นได้อย่างตรงประเด็นที่สุด2. ‘การหยังรู้วาระจิตในด้านอารมณ์’ (หรือที่เรียกว่า รับอารมณ์ผู้อื่น) จะมีขีดความสามารถในการแบ่งปันความรู้สึกของบุคคลอื่น ซึ่งบางคนได้เปรียบเทียบไว้คล้ายประโยคที่ว่า…. “ความเจ็บปวดของคุณมันอยู่ในหัวใจของฉัน” …..ซึ่ง การหยั่งรู้ ฯ ในลักษณะนี้ จะทำให้เกิดการสร้างอารมณ์ร่วมในการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน3. ‘การหยั่งรู้ที่เป็นไปด้วยความเมตตา-กรุณา’ (หรือที่เรียกว่า เอื้ออาทร ) ซึ่งมีลักษณะของการแสดงออกที่มากกว่าแค่การทำความเข้าใจผู้อื่นหรือแค่แบ่งปันความรู้สึกให้กับพวกเขา: แต่การหยั่งรู้ในลักษณะนี้…มันกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำจริง ๆ….?️? Empathy ทั้ง 3 ลักษณะ มีการทำงานร่วมกันอย่างไร ? #ครูจะกลับมาเขียนต่อเรื่องนี้

Similar Posts

  • ราคาแห่งการตื่น

    “#ราคาแห่งการตื่น“ของดวงวิญญาณที่รู้ตัวเพื่อจะพัฒนาไปสู่ #จิตวิญญาณ * คุณจะรู้สึกเจ็บปวด* คุณจะสงสัยตัวเองเป็นพันครั้ง* พวกเขาจะบอกคุณว่าคุณกำลังจะบ้า* คุณจะสูญเสียเพื่อน*บางครั้งครอบครัวของคุณก็ไม่เข้าใจคุณ* ผู้คนจะเกลียดคุณโดยไม่มีเหตุผล* คุณจะพัฒนานิสัยแปลก ๆ* คุณจะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดของคุณ(กลัวอัตตา) และความไม่รู้* คุณจะไม่สนใจว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับคุณ* คุณจะรู้สึกไม่เหมาะกับโลกนี้* คุณจะเลือก* และคุณจะค่อยๆถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง #แต่ทุกอย่างจะคุ้มค่า…ไม่มีใครส่องสว่างตัวเองด้วยการจินตนาการถึงร่างของแสง แต่ด้วยการตระหนักถึงความมืดรอบตัวเราและที่สถิตอยู่ในตัวเรา” #การปลุกจิตวิญญาณที่แท้จริงไม่ใช่การกอดรัด แต่เป็นถังน้ำเย็น สิ่งที่จะให้บริการคุณที่ลูบไล้อัตตาของคุณด้วยเสียงกระซิบจินตนาการหรือความโหยหา เมื่อคุณต้องการเพียงแค่การเขย่าแรงๆ #เพื่อให้คุณได้สมมติอย่างแท้จริงว่าชีวิตคืออะไร การตื่นขึ้นทางวิญญาณที่แท้จริงคือกระบวนการแห่งการทำลายล้าง เป็นการพังทลายสิ่งลวงตาของทุกสิ่งที่คุณไม่ใช่ 

  • #ปูชนียบุคคลตัวอย่างแห่งชาติ

    #ปูชนียบุคคลตัวอย่างแห่งชาติ(ประดับเกรียติสดุดีวชิรนุสรณ์) ปี2465สาขาบุคคลผู้ส่งเสริมศาสนาดีเด่นเนื่องด้วยวันที่ 23.1.2022เป็นวันประดับเกียรติสดุดีวชิรนุสรณ์ครูติดแคมป์งานสอนรุ่น 47ไ้ด้ส่งตัวแทนห้องเรียน#คุณข้าวโพดคั่ว เป็นตัวแทนห้องเรียนในการเข้ารับรางวัลในกาลนี้พลังแผ่นดินความรักความสามัคคีคุณค่าคุณธรรมและสันติสุขกำลังใจของบุคคลทำดีคิดดีสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมไทย#ปูชนียบุคคลผู้เป็นแบบอย่างที่ดีรางวัลที่ 8 ของห้องเรียนที่ทีมงานทุกคนมุ่งมั่นพัฒนาสู่ศักยภาพสูงสุดของการเป็นห้องเรียนพัฒนาจิตและวิญญาณ

  • การให้อภัยคนอื่นไม่ได้ทำให้อดีตดีขึ้น

    #การให้อภัยคนอื่นไม่ได้ทำให้อดีตดีขึ้น แต่ทำให้ปัจจุบันและอนาคตของคุณดีขึ้นต่างหากเพราะคุณให้ความผาสุกแก่ตัวเองและสร้างพลังงานที่เป็นบวกมากขึ้นไว้ภายใน คนอื่นอาจเคยทำสิ่งที่ให้อภัยไม่ลงแม้อาจจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไรแต่เรายังฝังใจกับความรู้สึกที่เกิดการยึดตัวเองไว้กับความรู้สึกแย่ๆรังแต่จะส่งผลร้ายต่ออารมณ์ของเราและฉุดแรงสั่นสะเทือนให้ต่ำลง  ผู้ที่ไม่สามารถให้อภัยคนอื่นที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดมีแต่จะตกเป็นเหยื่อเสียเองลองจินตนาการถึงการแตกกับใครบางคนที่ทรยศคุณสิแรกๆ คุณอาจเจ็บและโกรธพยายามออกห่างจากอีกฝ่ายแต่พอเวลาผ่านไปก็ลืมแล้ว กระทั่งคุณเจอเขาอีกคราวนี้ความทรงจำที่ว่าเค้าทำอะไรกับคุณไว้บ้างก็จะย้อนกลับมารวมถึงความเจ็บปวดด้วยเพราะคุณไม่ได้ให้อภัยเขาจริง #การทำเช่นนี้มีแต่จะทำร้ายจิตวิญญาณและนำไปสู่การตัดสินใจที่ทำลายล้างได้  การให้อภัยไม่ใช่การยกโทษให้กับพฤติกรรมยำแย่ของคนอื่นและไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเชิญอีกฝ่ายกลับเข้ามาในชีวิตเสมอไป

  • แม่สร้อยศรีสุดาจันทร์ (นาคิณี)

    #แม่สร้อยศรีสุดาจันทร์ (นาคิณี) ท่านเป็นมเหสีองค์ที่ ๗ ของพญาศรีสุทโธ นาคราช มีความงามแบบธรรมชาติชอบสันโดษ อยู่แบบเรียบง่ายสมถะเก่งด้านงานหัตถกรรมและด้านการร่ายรำถวายรำได้อ่อนช้อยพิสดารงดงามมากเป็นที่โปรดปรานของแม่ย่าศรีประทุมมา( มเหสีองค์แรก ) #ด้วยความเมตตาเสมอมา พญาศรีสุทโธท่านก็ให้ความรัก ความเมตตา ในความเรียบง่ายสมถะเช่นกัน จึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับแม่สร้อยฯ มากกว่ามเหสีองค์อื่น เป็นธรรมดาไม่ว่าภพมนุษย์ หรือภพบาดาล ความอิจฉา ริษยา ก็มีเหมือนกัน แม่สร้อยจึงตกเป็นเป้าของคำว่า อิจฉา (ริษยา แปลคือ จ้องทำร้ายให้ถึงแก่ความตาย) นี่คือที่มาของคำว่า #เจ้ากรรมนายเวร เมื่อมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์มีอาการครบ ๓๒ แล้วได้พบพุทธศาสนา มีโอกาสแล้วที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อการพ้นทุกข์ เพราะอานิสงส์นี้มีบุญบารมีมาก แผ่ไปให้เทวดาที่รักษาตน พร้อมเจ้ากรรมนายเวร โอกาสที่จะแก้ไข ชดใช้กรรมชั่ว(อกุศลกรรม) ให้เบาบางลงเสียที กรรมดีที่เคยสร้างสะสมไว้จะได้แสดงตัว ความทุกข์จึงค่อยจางลง #แล้วจึงพบแต่ความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรม พระนามคือพระนางสร้อยศรีสุดาจันทร์หรือคนทั่วไปหลายคนเอ่ยพระนามท่านเพี้ยนไปว่า#ศรีสุดาจันทร์ พระนางเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของเจ้าฟ้าหญิงพระองค์เจ้าศรีประทุมมานาคิณีซึ่งพระองค์ทรงเป็นมเหสีเอกของสมเด็จเจ้าพญานาคาธิบดีศรีสุทโธวิสุทธิเทวา สำหรับพระนางสร้อยศรีสุดาจันทร์นี้พระองค์ทรงโปรดงานเย็บปักทักร้อย ประดิษฐ์ประดอยเก่งมาก เช่นการทำฉลององค์ถวายสมเด็จเจ้าพญานาคาธิบดีศรีสุทโธวิสุทธิเทวา ที่ว่านางสนมนาคีขึ้นมาบนโลกมนุษย์มายืม(เฟือม)ทอผ้าจากช้าวบ้าน และการทำบายศรี เป็นต้น #ส่วนเจ้าฟ้าหญิงพระองค์เจ้าศรีประทุมมานาคิณี พระองค์ไม่ค่อยได้ทรงงานอะไรมากนัก แต่พระนางทรงชอบการบำเพ็ญภาวนามีน้ำพระทัยที่งดงาม พระนางมีพระกิริยาที่สวยสดงดงามสมดังมเหสีขององค์ราชาผู้เป็นใหญ่ใต้บาดาลที่มีบริวารมากล้นอย่างเช่นภาษาอิสานว่า (มีเหล่าบริวาลหมื่อกือกองล้าน) เป็นเกล็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากเจ้าชายเสลี่ยงรัตน์ราชนาคาโอรสธิดาของสมเด็จเจ้าพญานาคาธิบดีศรีสุทโธวิสุทธิเทวา…

  • ครบ 1 ปีการศึกษา นักเรียนประจำ คุณรัชดา

    ครบ 1 ปีการศึกษา นักเรียนประจำ คุณรัชดา นักเรียนรุ่น 3540 วันใน 1 ปี ที่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน(ส่งต่อผู้นำอีก 1 ท่านสู่สังคมไทย)“…ครู คือ ปัจจัยสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ครู คือ มนุษย์ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กนักเรียนที่จะพัฒนาคุณลักษณะของตนเองและสร้างค่านิยมต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น#ไม่มีเทคโนโลยีใด ๆ สามารถมาแทนที่ครูได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว นั่นคือว่า#ทำไมครูที่ดีจึงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตลูกศิษย์ได้ ด้วยการพัฒนาพวกเขาให้เป็นพลเมืองที่ดีและมีความสามารถ ทั้งในระดับชาติและระดับเป็นพลเมืองของโลกด้วย…”พระราชดำรัส สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ ๓ ปี ๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒

  • ประเพณีเดือนยี่

    #ประเพณีเดือนยี่ คือ ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนาโดยคำว่า ยี่ แปลว่า สอง ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งหมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา ซึ่งตรงกับเดือนสิบสองของไทย#ตั้งธรรมหลวง การตั้งธรรมหลวง หรือเทศน์มหาชาติ ในอดีตเป็นหัวใจหลักของงานยี่เป็ง โดยแบ่งการเทศน์เป็น วันแรกเทศน์ธรรมวัตร วันที่สองเทศน์คาถาพัน ก่อนที่จะเทศน์มหาชาติก็จะเทศน์เรื่องอื่นไปเรื่อย ๆ พอถึงวันสุดท้ายก็จะเทศน์ด้วยคัมภีร์ชื่อ มาลัยต้น มาลัยปลาย และอานิสงส์มหาชาติ รุ่งขึ้นเวลาเช้ามืดก็จะเริ่มเทศน์มหาชาติตั้งแต่กัณฑ์ทศพรเรื่อยไป จนครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ซึ่งมักจะไปเสร็ฐเอาในเวลาทุ่มเศษ แล้วจะมีการเทศนธรรมพุทธาภิเษกปฐมสมโพธิ สวดมนต์เจ็ดตำนานย่อ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร และสวดพุทธาภิเษก ปัจจุบันนิยมเทศน์จบภายในวันเดียว การทำรั้วราชวัตร ประตูป่า ประดับโครงซุ้มด้วยทางมะพร้าว ประดับด้วยฉัตร ธง ช่อช้าง ต้นกล้วย ต้นอ้อย ต้นข่า ต้นกุก มาปักไว้ให้ดูเหมือนกับประตูเข้าป่าใครไปทำอะไรกันบ้างในวันนี้ขอให้โชคดีมีชัย