ภาษาเทพแต่ละประเภท

#ภาษาเทพแต่ละประเภท

1.ภาษา กรูรู
#จะเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกับจิตวิญญาณทั่วไปจนถึงระดับเทวดาได้ ภาษานี้ก็เป็นภาษาโบราณ การออกเสียงจะคล้ายๆ กับมีสระอู เยอะๆ ฟังแล้วก็ไพเราะดี แต่ก็ยังฟังไม่ออก

2 ภาษากูโบต เป็น ภาษาที่เหล่าพระฤาษี หรือ เหล่าพญานาคใช้สื่อสารกัน บางอันก็ไปเรียกว่า ภาษา เทวนาคี ก็เป็นได้

3 ภาษากูตาฟ เป็นภาษาที่เทพชั้นสูงใช้สื่อสารกัน ไม่ว่าจะเทพเจ้าสายฮินดู หรือสายธิเบต ลักษณะฟังแล้วคล้ายกับ บาลีสันสกฤต

4 ภาษาพรหม อันนี้เป็นภาษาที่เหล่าพรหมใช้กัน จะแตกต่างกับที่กล่าวมาเบื้องต้นมาก เพราะเป็นภาษาชั้นสูง

***5***** ภาษามรรค อันนี้เป็นภาษาสูงสุด คือสามารสื่อสารกับ ภพภูมิต่างๆ รวมไปถึงสื่อสารกับเหล่าสัตว์ สิ่งมีชีวิตได้หมดเลย

⭐️⭐️⭐️
#รู้เรื่องได้เลยได้จากการเกิดอภิญญา
#และการปฏิบัติขั้นสูงจริงๆ
#ถือเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อน

และหาการเทียบเคียงด้านตัวหนังสื่อได้ยากมาก บางครั้งเข้าใจได้ทางจิตล้วนๆ

⭐️?#ซึ่งภาษาเทพที่กล่าวมาเบื้องต้น
ขอเน้นย้ำว่า มีจริง แต่จะสามารถเข้าใจและพูดสื่อสารได้ #เฉพาะบุคคลผู้มีหน้าที่มาด้านนี้เท่านั้น

?#บางคนถูกกำหนดมาให้พูดได้ แต่ฟังไม่ออก ?บางคนฟังออก แต่พูดไม่ได้
?หรือบางคนพูดได้ ฟังออก
และสามารถสื่อสารโต้ตอบกันอย่างเข้าใจเลยทีเดียว

❌? แต่ไม่ได้เหมารวมว่า ร่างทรงคนมีองค์
จะต้องมีหน้าที่เหมือนกันหมดทุกคน และพูดได้ ฟังออกสื่อสารเป็นกันได้ทุกคน
อยู่ที่ภาระหน้าที่ที่เบื้องบน
มอบหมายองค์การมาอีกที

?️?#แต่กระนั้นก็อยากจะฝากเตือนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและฝักใฝ่ด้านนี้ว่า มิใช่ไปหลงมัวเมาเห็นร่างทรงคนนี้พูดภาษาเทพได้ก็ยึดมั่นว่า เขาผู้นี้เป็นเทพจริงๆ คงต้องใช้ปัญญาพิจารณากันอีกทีนะ ควรจะพิจารณาพื้นฐานสำคัญๆคือ ภาษาก็คือสื่อในการสื่อสารจากเบื้องบนมาสู่มนุษย์ จงแปลเอานัยยะสำคัญและใจความนั้นดีกว่า เพราะโดยส่วนตัวแล้วท่านสื่อมาด้วยภาษาจิต มาเป็นอารมณ์ความรู้สึกผ่านจิต เข้าใจได้ด้วยจิต แต่ก็ไม่ได้คัดค้านหรือบอกว่าภาษาเทพไม่มีจริง

#MAEKHUNOY
เทวดาประจำตัว

Similar Posts

  • เช้าวันที่ 23.1.2022

    เช้าวันที่ 23.1.2022 ณ. บ้านบัณฑิตจิตวิญญาณ#ศูนย์การเรียนรู้ศิลปะการใช้ชีวิตและจิตวิญญาณประตูธรรม๕หนเหนือ#แม่ครูน้อยนำคณะนักเรียน รุ่น 47สวดมันตรา น้อมถวายอภิเษกมนต์น้อมส่งจิต แด่พระอาจารย์ ทิก เญิ้ต หั่ญ หรือท่าน ติช นัท ฮันห์พระภิกษุนิกายเซนชาวเวียดนาม กลับสู่สูญญตา ท่านเป็นหนึ่งในผู้นำจิตวิญญาณของโลกที่ให้ความรู้และปัญญา บิดาแห่งการมีสติตื่นรู้ขอน้อมรำลึกด้วยใจกรุณาแม่ครูน้อยประตูธรรม๕หนเหนือ

  • ประติศรณะ 4

    ประติศรณะ 4″ ได้แก่ 1) พึ่งธรรม ไม่พึ่งบุคคล2) พึ่งความหมาย ไม่พึ่งถ้อยคำ(พึ่งอรรถ ไม่พึ่งพยัญชนะ)3) พึ่งญาณรู้แจ้ง ไม่พึ่งสำนึกรู้อันแบ่งแยก(พึ่งญาณ ไม่พึ่งวิญญาณ)4) พึ่งพระสูตรที่มีเนื้อหาตรงตัว ไม่พึ่งพระสูตรที่มีนัยต้องตีความ #พึ่งญาณรู้แจ้ง ไม่พึ่งสำนึกรู้อันแบ่งแยก” พึ่งญาณ ไม่พึ่งวิญญาณคือความรู้อันเกิดจากการภาวนาและมองตรงเข้าไปในสิ่งนั้นๆ ด้วยจิตที่สงบและเห็นตามเป็นจริง เรียกว่า “ญาณ” จึงจะเป็นความรู้ที่สามารถพึ่งพิงเอาได้ในการมองเห็นความจริง แต่ความรู้ตามสามัญสำนึกที่เจือปนด้วยความไม่รู้ (อวิชชา) และการแบ่งแยกด้วยความหลงซึ่งทำให้มุมมองนั้นถูกเบี่ยงเบน เรียกว่า “วิญญาณ” ไม่อาจใช้เพื่อตัดสินความจริงได้เลย  ผู้พบเจอเทวดาประจำตัวทุกท่านโดยเฉพาะนักเรียนประจำ ต้องมีการสอบญาณจากครูผู้สอน เพื่อประเมินผลความก้าวหน้าบางคนต้องใช้เวลานับปีจึงได้คำตอบว่า#มุสา สิ่งเหล่านี้ปรากฏมาจากจิตใต้สำนึกของผู้ฝึกฝนและครูผู้สอนพยายามชี้ให้เห็นในจิตสำนึกปัจจุบันและใช้เวลาในการปรับปรุงตนหากไม่มีโอกาสปรับปรุงตนและไม่รู้ตนดวงวิญญาณดวงนี้ก็จะอยู่ในพันธสัญญาดวงเดิมเป็นเหตุผลถึงความไม่ก้าวหน้าในการฝึกดวงวิญญาณทุกภพชาติทำให้สูญเปล่ากับเส้นทางการฝึกฝนและการเกิด #เทวดาประจำตัว

  • กควบคุมโดยกฎฝ่ายวิญญาณ

    #จักระทั้งเจ็ดถูกควบคุมโดยกฎฝ่ายวิญญาณ หลักการของจิตสำนึกที่เราสามารถใช้ปลูกฝังความสามัคคี ความสุข และความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตของเราและในโลก#ศูนย์แรก: จักระรากจักระรากที่รู้จักกันในชื่อภาษาสันสกฤตว่าmuladharaตั้งอยู่ที่ฐานของกระดูกสันหลัง มันควบคุมความต้องการการเอาชีวิตรอดขั้นพื้นฐานที่สุดของคุณ เมื่อจักระนี้ชัดเจนและพลังงานไหลผ่านอย่างอิสระ เรารู้สึกปลอดภัยและมั่นใจว่าเราสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม การอุดตันในบริเวณนี้อาจทำให้เรารู้สึกวิตกกังวลและวิตกกังวลได้#กฎแห่งกรรมทางจิตวิญญาณควบคุมศูนย์พลังงานแห่งแรก บนระนาบกายภาพ ทุกการกระทำที่คุณทำจะส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาที่สอดคล้องกัน เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้สูงสุดที่การกระทำของคุณจะสร้างปฏิกิริยาเชิงวิวัฒนาการ คุณสามารถใช้ร่างกายของคุณเป็นเครื่องมือในการกำหนดทางเลือกพิจารณาความเป็นไปได้ต่อหน้าคุณและฟังสัญญาณจากร่างกายของคุณ ความรู้สึกเหล่านี้ซึ่งเกิดจากจักระของรากจะรู้สึกสบายหรือไม่สบาย ร่างกายของคุณประเมินทุกการตัดสินใจที่เป็นไปได้ในแง่ของความเป็นไปได้ที่จะตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยของคุณหรือเพิ่มระดับของภัยคุกคามที่คุณประสบ จักระแรกซึ่งเชื่อมโยงคุณกับโลก ให้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการบำรุงหรือความเป็นพิษที่อาจเกิดขึ้นกับคุณอันเป็นผลมาจากการกระทำที่คุณทำ#ศูนย์ที่สอง: จักระความคิดสร้างสรรค์จักระความคิดสร้างสรรค์ที่เรียกว่าsvadhishtana มีความเกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ในทุกการแสดงออก พลังงานของศูนย์นี้อยู่ในบริเวณอวัยวะเพศของคุณ สามารถใช้สำหรับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เมื่อช่องทางเข้าศูนย์พลังงานที่สูงขึ้นมันเชื้อเพลิงพลังสร้างสรรค์ที่ช่วยให้คุณในการวาดภาพที่สวยงาม, สร้างธุรกิจหรือสร้างชีวิตของ ความรัก และ ความอุดมสมบูรณ์กฎแห่งความพยายามน้อยที่สุดมีชีวิตชีวาในจักระที่สอง เมื่อพลังงานที่สำคัญของคุณไหลผ่านศูนย์กลางของความคิดสร้างสรรค์ แสดงว่าคุณร่วมสร้างชีวิตของคุณ การแก้ปัญหาทุกปัญหามักไม่ค่อยอยู่ที่ระดับของปัญหา ค่อนข้างมาจากความคิดสร้างสรรค์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ความคิดสร้างสรรค์คือกระบวนการนำวัตถุดิบชนิดเดียวกันมาสร้างบริบทและความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆตัวอย่างเช่น เมื่อนักแต่งเพลงสร้างผลงานเพลงชิ้นใหม่ เขากำลังใช้โน้ตเดิมในความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างกันและกัน ส่งผลให้เกิดบางสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน จักระที่สองใช้วัตถุดิบของจักระรากเพื่อสร้างโลกใหม่ในแต่ละวัน#ศูนย์ที่สาม: จักระพลังงานจักระพลังงานมณีปุระถูกแปลเป็นภาษาท้องถิ่นในช่องท้องแสงอาทิตย์ของคุณ เป็นที่นั่งแห่งพลังของคุณในโลก เมื่อศูนย์กลางนี้เปิดกว้างและไหลลื่น คุณจะสามารถแปลความตั้งใจและความปรารถนาของคุณให้แสดงออกได้ เมื่อมันถูกบล็อก คุณรู้สึกหงุดหงิดและไร้ประสิทธิภาพกฎแห่งความตั้งใจและความปรารถนาควบคุมจักระที่สาม เมล็ดพันธุ์แห่งความตั้งใจและความปรารถนาอยู่ในจิตวิญญาณส่วนตัวของคุณ การบำรุงเมล็ดที่คุณต้องการงอกด้วยความเอาใจใส่จะนำไปสู่การแสดงออกอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับความตั้งใจของคุณ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องแปลกใจเมื่อสิ่งนั้นเกิดผลกระบวนการของการแสดงความปรารถนาของคุณคือการทำให้พวกเขาเข้าสู่จิตสำนึกก่อน ตามด้วยการขยายการรับรู้ของคุณผ่านการทำสมาธิและในที่สุดก็ปลดปล่อยความตั้งใจของคุณและแยกตัวออกจากผลลัพธ์ คุณสามารถควบคุมการกระทำของคุณได้ แต่คุณไม่สามารถควบคุมผลของการกระทำของคุณได้ ให้พลังงานชีวิตของคุณไหลเวียนอย่างอิสระผ่านจักระที่สาม และแสงและความร้อนจากความตั้งใจของคุณจะแผ่กระจายไปทั่วโลก#ศูนย์ที่สี่: จักระหัวใจจักระหัวใจแสดงถึงพลังแห่งความรักและความเห็นอกเห็นใจ เรียกว่าอนัตตาอยู่ตรงกลางอก จักระหัวใจทุ่มเทเพื่อเอาชนะการแยกและการแบ่งแยก เมื่อหัวใจถูกปิดกั้น…

  • รากฐานของความสุขคือความกตัญญู

    “รากฐานของความสุขคือความกตัญญู#ไม่ใช่ความสุขที่ทำให้เรารู้สึกขอบคุณ เป็นความกตัญญูที่ทำให้เรามีความสุข”

  • เรื่องบางเรื่องคนบางคนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดี

    เรื่องบางเรื่องคนบางคนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดี แต่เมื่อนึกถึงคราใดก็หัวเราะได้ทุกทีอย่าหาเหตุผลในเรื่องที่ไม่มีคำอธิบายครูมีความสุขได้กับลูกศิษย์ทุกๆคนที่ผ่านเข้ามาพบครูรักทุกคนเพียงไว้แต่ …..แค่ปัจจุบัน

  • การเปิดญาณบารมี

     #การเปิดญาณบารมี#และการเพิ่มและการรับพลังจิต บุคคลที่มีสมาธิดีจะมีคลื่นความถี่ และความรุนแรงของพลังงานความคิดสูง สามารถที่จะส่งพลังงานนั้น ไปยังบุคคลที่ตั้งเป้าหมาย ไว้ได้แน่ชัดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวผู้รับได้ตามความปราถนานั้น #เรียกว่าการเพิ่มและการรับพลังจิตการเพิ่มแต่ละครั้ง แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพิ่มพลังจิต แต่ละครั้งนาน เท่าใด ผู้เพิ่มพลังจิตจะทราบได้ในสมาธิจิตนั้นหากผู้รับยังรับได้ ก็เพิ่มให้ต่อไปหากเห็นว่า พลังจิต #ที่ส่งไปนั้นหยุดลงก็หยุดเพิ่มพลังจิตในครั้งนั้น และต้องเพิ่มพลังจิตกี่ครั้งจึงจะได้ผลสิ่งนี้ไม่มีกำหนด แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้รับ หากผู้รับสามารถรับพลังจิตได้มาก และเห็นว่าอวัยวะที่ผิดปกตินั้น เปลี่ยนเป็น ปกติเร็ว พลังจิตที่ส่งไปจะหยุดลง ควรหยุดเพิ่มพลังจิตให้ผู้รับพลังกลับไปทำสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ผู้รับพลังจะสร้างพลังจิตที่ดีขึ้นมาได้ พลังจิตนั้นๆ จะบำบัดทุกข์ให้ได้ในที่สุด #การเพิ่มพลังจิตกระทำได้ 3 ทางคือ 1. เพิ่มที่อวัยวะนั้นโดยตรง2. เพิ่มที่จุดกำเนิดของพลังจิต คือที่ต่อมไพเนียล3. เพิ่มพลังจิตให้ครอบคลุมทั้งตัวผู้รับ จะเพิ่มให้ใครที่อวัยวะใดนั้นจะทราบและเห็นได้ในสมาธินั้นๆ #ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดี ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้คือเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา และเมื่อเพิ่มพลังจิตให้กับใครก็ตามต้องรู้ทุกข์ รู้สาเหตุแห่งทุกข์ รู้หนทางดับทุกข์ และรู้วิธีการดับทุกข์นั้นๆโดยชัดแจ้งพร้อมตั้งตนอยู่ในพรหมวิหารธรรม และหิริโอตัปปธรรม #ผู้รับพลังจิตที่ดี คือ เป็นผู้ที่มี1. ศรัทธา ผู้รับต้องมีศรัทธาที่จะรับพลังจิต2. สมาธิ ผู้รับต้องมีความตั้งมั่นแห่งจิตอยู่กับกายและจิตของตน3. สติ ผู้รับต้องมีความระลึกได้ว่าตนกำลังรับพลังจิตอยู่4. ปัญญา ผู้รับต้องรู้จักการปล่อยวางความทุกข์ออกจากจิตใจในขณะนั้น5. ความขยันหมั่นเพียร การรับพลังจิตนั้นต้องรับสม่ำเสมอและให้ตั้งอยู่ในคำสอนของพุทธองค์เป็นหลัก ดังกล่าวแล้ว…